เมื่อ
ลูกพูดช้า พ่อแม่จะป้องกันและดูแลได้อย่างไร
การพูดจะช่วยสื่อความคิดความรู้สึก สร้างสัมพันธ์กับคนอื่น และเรียนรู้ที่จะสื่อความหมาย แต่เมื่อลูกถึงวัยที่ควรจะเริ่มพูดได้แล้ว กลับไม่พูด พ่อแม่ย่อมกังวลทั้งนั้น
สาเหตุทางร่างกายนั้นมาจาก พันธุกรรม การบกพร่องทางการได้ยิน อวัยวะทางการพูดผิดปกติ ฯลฯ ส่วนการเลี้ยงดูของพ่อแม่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกพูดช้าได้ด้วยค่ะ
- ขาดการการกระตุ้นให้พูดในตอนที่เลี้ยงดู เช่น ปล่อยลูกไว้ตามลำพังไม่มีคนพูดคุยด้วย หรือเมื่อลูกพยายามพูดแล้วผู้ใหญ่ไม่ตอบสนอง
- สมาชิกในบ้านพูดกันมากกว่า 2 ภาษาขึ้นไป อาจทำให้ลูกเกิดความสับสนว่าจะเลือกพูดภาษาไหนดี และอาจจะทำให้ไม่เข้าใจภาษาที่พูดอย่างถ่องแท้ได้
- คุณแม่ที่สั่งอย่างเดียว หรือให้เด็กดูทีวีมากเกินไป เหล่านี้เป็นการสื่อสารทางเดียวก็จะทำให้เกิดปัญหาได้ค่ะ
พ่อแม่ช่วยแก้ไขได้
ส่งเสียง ขยับปาก
คุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกทำตามได้ดีที่สุด เวลาพูดกับลูกแม่ควรย่อเข่าหรือนั่งลงให้ลูกได้สังเกตหน้าและปากของแม่เวลาพูด หรือให้ลูกส่องกระจกดูว่าคำที่เขาพูดไม่ชัดนั้นเขาทำปากอย่างไร และช่วยแก้ไขโดยให้เขาทำปากตามแม่ ที่สำคัญคุณแม่ควรพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ชัดถ้อยชัดคำ ไม่ดังหรือค่อยจนเกินไป และไม่
พูดช้าหรือเร็วจนเกินไปด้วย
ชีวิตประจำวันเป็นแบบฝึกหัดที่ดี
เรื่องรอบๆ ตัว คุณแม่สามารถนำมาช่วยกระตุ้นให้ลูกพูดได้ทั้งนั้นค่ะ เช่น การฟังเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว ให้เด็กเรียกชื่อสิ่งที่ได้ยิน และควรใช้สิ่งของจริงจะช่วยในการหัดพูดได้ดี เพราะจะช่วยให้ลูกทั้งจำสิ่งของและพูดได้ด้วย
บรรยากาศก็สำคัญ
จัดสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ให้ลูกบ้าง เพื่อช่วยในการเรียนรู้ เช่น พาลูกไป หรือชวนคุยเมื่อเจอสิ่งที่น่าสนใจ ควรสอนแทรกไปในกิจวัตรประจำวันและสอนให้บ่อย ถ้าให้ลูกได้มีโอกาสเล่นกับเด็กวัยเดียวกันบ้างก็จะช่วยให้การพูดพัฒนาเร็วขึ้น ส่วนเด็กบางคนไม่มั่นใจที่จะพูดกับผู้ใหญ่ คนแปลกหน้าแบบนี้บทบาทสมมุติช่วยได้ ลองหาตุ๊กตาให้ลูกเล่นสักตัวเป็นเพื่อนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกได้นะคะ
อย่าสื่อสารทางเดียว
การถาม-ตอบเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ถ้าลูกถามว่า "ทำไม" "อะไร" ควรตอบลูกให้ละเอียด เช่น เมื่อลูกถามว่า "นี่เรียกว่าอะไร" ไม่ควรตอบว่า "แมว" เท่านั้น อาจขยายความต่อว่า "แมวมีสีเทา หางยาว มีสี่ขา" การสื่อสารทางภาษาแบบนี้จะช่วยให้ลูกรับข้อมูลที่หลากหลายมากขึ้นค่ะ
ให้กำลังใจ อย่าหักโหม
อย่าลืมให้กำลังใจลูกทุกครั้งที่ลูกสามารถพูดได้แล้ว สิ่งสำคัญคืออย่าใช้ท่าทีก้าวร้าวรุนแรงกับลูก ต้องเข้าใจว่าความสามารถทางการพูดของลูกนั้นจะขึ้นอยู่ตามระดับอายุ อย่าหักโหมในการสอนเกินไป
อ่านสนุก กระตุ้นการพูดได้ด้วย
คุณแม่ลองหยิบหนังสือภาพสวยๆ มาอ่านให้ลูกฟังดูสิคะ ขณะที่อ่านนั้นลองให้ลูกชี้ภาพให้ตรงกับคำถามของแม่ เช่น นกอยู่ตรงไหน หลังจากนั้นผลัดให้พ่อแม่เป็นฝ่ายชี้ภาพแล้วถามคำถามให้ลูกตอบบ้างว่า ภาพนี้คืออะไร ร้องอย่างไร กำลังทำอะไรอยู่ ลูกน่าจะค่อยๆ พูดได้แล้วค่ะ
ถ้าสำรวจดูแล้วว่าเราช่วยเหลือลูกอย่างดี แต่ลูกก็ยังมีพัฒนาการทางด้านภาษาที่ช้าอยู่ ก็น่าจะลองพาลูกไปปรึกษากุมารแพทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางพัฒนาการเด็กเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง หรืออาจจะไปปรึกษานักแก้การพูดเพื่อช่วยฝึกพูดต่อไปค่ะ
แบบไหนเรียกว่าพูดช้า
- 12 เดือน พูดได้แต่เสียงสระไม่มีเสียงพยัญชนะ เช่น อินอ้าว(กินข้าว) แอ้(แม่) อ้อ(พ่อ)
- 15 เดือน ไม่เข้าใจความหมายของคำง่ายๆ เช่น สวัสดี บ๊ายบาย
- 18 เดือน พูดคำที่มีพยางค์เดียว เช่น หิว กิน ได้น้อยกว่า 10 คำ
- 2 ปี พูดคำที่มีความหมาย 2 พยางค์ต่อกันไม่ได้ เช่น ไม่เที่ยว ไม่เอา
- 2 ปี 6 เดือน พูดอธิบายสื่อความหมายไม่ได้
- 3 ปี พูดยังไม่เป็นประโยค อธิบายความหมายไม่ได้
ลูกพูดช้าเพราะ Bi-Language
การเรียนรู้ 2 ภาษาของลูกนั้น เด็กควรได้เรียนภาษาที่หนึ่ง คือ ภาษาไทยให้แม่นก่อน ถ้าเด็กสามารถใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้การเรียนภาษาที่สอง คือ ภาษาอังกฤษง่ายขึ้นและเร็วขึ้น
จาก: