Sponsored Links
พิษภัยจากทีวี
จาก ผู้จัดการออนไลน์ 21 ก.พ.
2550
ผู้เชี่ยวชาญยำใหญ่
พิษภัยจากการปล่อยให้เด็กดูทีวีมากเกินไป ซึ่งมีทั้งชักนำโรคอ้วน สายตาสั้น
อาการนอนไม่หลับ ภูมิต้านทานโรคลดต่ำ ไปจนถึงการแตกเนื้อหนุ่ม/สาวก่อนวัย
โรคออทิสซึมและอัลไซเมอร์
ดร.ซิกแมนกล่าวหาภาครัฐที่ละเลยความเชื่อมโยงระหว่างทีวีกับผลลบมากมายที่เกิดกับเยาวชน
เช่น ขัดขวางพัฒนาการความก้าวหน้าในโรงเรียน
และถ่ายทอดสุขภาพย่ำแย่ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ดังนั้น
รัฐบาลควรกำหนดให้การจำกัดเวลาการดูทีวีของเด็กๆ เป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ
เพื่อยกระดับภาวะที่เป็นสุขของเยาวชน
และลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข
รายงานของดร.ซิกแมนที่อิงกับผลสำรวจภายในอังกฤษยังระบุว่า
เฉลี่ยแล้วเด็กจะเริ่มใช้เวลาดูทีวีตลอดทั้งปีเมื่ออายุ 6
ขวบ และกว่าครึ่งของเด็กอายุ 3 ขวบมีทีวีในห้องนอนน
ดร.ซิกแมนจากบริติช ไซโคโลจิคัล โซไซตี้ เสริมว่าเด็กอายุต่ำกว่า 3
ปีไม่ควรดูทีวีเลย ส่วนเด็กที่โตกว่านั้น
พ่อแม่ผู้ปกครองควรพิจารณาเรื่องการดูทีวีของเด็กอย่างรอบคอบ
ทั้งนี้
เด็กอายุระหว่าง 3-5 ขวบควรดูรายการดีๆ มีคุณภาพ ไม่เกินวันละครึ่งชั่วโมง และเพิ่มเป็น
1 ชั่วโมงสำหรับเด็กอายุ 5-12 ขวบ และ
1 ชั่วโมงครึ่งสำหรับวัยรุ่น
นอกจากจะมีรายงานเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ไม่กี่วันว่า
เด็กอังกฤษไม่มีความสุขและมีสุขภาพอ่อนแอที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
ดร.ซิกแมนสำทับว่า
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใดที่เด็กอังกฤษได้ชื่อว่าดูทีวีมากที่สุดในยุโรปด้วยเช่นกัน
การดูทีวี ไม่ว่ารายการรูปแบบใด
มีความเชื่อมโยงมากขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยาและกระบวนการคิดในทางลบ
และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้
เนื่องจากในเอกสารของทางการไม่เคยมีการพาดพิงถึงทีวีเลย
ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก
การปล่อยให้เด็กดูทีวีพร่ำเพรื่อต่อไปถือเป็นการสลัดทิ้งความรับผิดชอบในการเป็นพ่อแม่คน
รายงานของดร.ซิกแมน ซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสารไบโอโลจิสต์ ระบุว่า
การดูทีวีมากเกินไปมีความเกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ส่งเสริมโรคอ้วน และกระทั่งทำให้ภูมิต้านทานโรคต่างๆ
ลดลง
การดูทีวียังส่งผลต่อพัฒนาการของสมอง
เนื่องจากไม่มีการกระตุ้นให้สมองใช้ความคิดตรึกตรองเหมือนการอ่านหนังสือ
รวมถึงมีความเสี่ยงมากขึ้นในการเป็นโรคสมาธิสั้น
การศึกษาระยะยาวในนิวซีแลนด์ที่ติดตามผลเด็กตั้งแต่แรกเกิด ได้ข้อสรุปว่า
การดูทีวีมากเกินไปขณะเป็นเด็ก
เกี่ยวโยงกับโอกาสประสบความสำเร็จทางการศึกษาที่ลดต่ำลงเมื่ออายุ 26 ปี
ขณะที่การศึกษาของอิตาลีพบว่า เด็กที่ไม่ค่อยได้ดูทีวี
มีระดับฮอร์โมนเมลาโทนิน ที่ช่วยชะลอการเจริญเติบโตทางเพศ
สูงกว่าเด็กที่ดูทีวีบ่อย
อนึ่ง รายงานของดร.ซิกแมนจำแนกพิษภัยของทีวีต่อเยาวชนไว้ละเอียดลออถึง
15 ข้อดังนี้้
-
โรคอ้วน
เนื่องจากมีการออกกำลังกายน้อยมาก
-
แสงจากทีวียับยั้งการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน
-
ภูมิคุ้มกันโรคลดลง
การที่เมลาโทนินลดลงอาจทำให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะเกิดการกลายพันธุ์ในเซลล์ดีเอ็นเอ
ซึ่งทำให้เกิดมะเร็ง
- โตเป็นสาว/หนุ่มก่อนวัย
ซึ่งเกี่ยวโยงกับการลดลงของเมลาโทนินเช่นเดียวกัน
-
มีปัญหาในการนอนหลับ
เนื่องจากความตื่นเต้นเร้าอารมณ์ของรายการทีวี
-
โรคออทิสซึม หรือความผิดปกติทางพัฒนาการด้านสังคม ภาษา
การสื่อความหมาย พฤติกรรมอารมณ์ และจินตนาการ
เกิดจากการขาดการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
-
ไขมันในร่างกายเพิ่ม
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเลปตินและเกรลินที่ผลิตไขมันและกระตุ้นความอยากอาหาร
-
ขาดสมาธิ
เนื่องจากการพัฒนาเซลล์สมองที่ควบคุมช่วงความสนใจบกพร่อง
-
มีปัญหาในการอ่าน
ผลจากการขาดสิ่งกระตุ้นสติปัญญาขณะเป็นเด็ก
-
เบาหวานประเภท 2 จากการกินอาหารแคลอรีสูงระหว่างดูทีวี
-
คลื่นที่แผ่ออกมาจากทีวีมีความเกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ภูมิคุ้มกันบนผิวหนัง
-
ทำให้คอเลสเตอรอลเพิ่ม เนื่องจากเด็กไม่ค่อยทำกิจกรรมอื่น
นอกจากนั่งเฝ้าหน้าจอทีวี
-
การดูทีวีอาจทำให้กระบวนการเผาผลาญอาหารช้าลงกว่าการไม่ทำอะไรเลย
-
สายตาสั้น
-
การดูทีวีมากๆ
ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์