ทำความดีบริจาคอวัยวะ
สร้างกุศลยิ่งใหญ่
ทำความดีบริจาคอวัยวะ
สร้างกุศลยิ่งใหญ่
ปีใหม่ที่ผ่านมาคงมีหลายท่านพาลูก
พาหลาน และคนที่รักไปทำบุญที่วัด เพื่อสร้างกุศลให้กับตนเอง
หรือบุคคลใกล้ชิดที่ล่วงลับไปแล้ว บางคนเลือกทำบุญด้วยแรงกาย แรงใจ
ที่สามารถสร้างความสุข ความอิ่มเอิบใจแก่ทุกคน เช่น
เป็นอาสาสมัครตามโรงพยาบาลหรือเป็นพี่เลี้ยงเด็กในสถานสงเคราะห์ต่างๆ
แต่ยังมีการทำบุญอีกประเภทหนึ่งที่หลายคนยังไม่ได้นึกถึง คือ
การแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ การบริจาคอวัยวะเป็นการสร้างกุศลทานอันยิ่งใหญ่
และเป็นการให้ชีวิตใหม่แก่เพื่อนมนุษย์ ย่อมทำให้เกิดความสุขทั้งผู้ให้ และผู้รับ
โดยผู้ให้มีความสุข มีความภาคภูมิใจในความเป็นผู้เสียสละ ผู้รับมีความสุข
ที่ได้รับสิ่งจำเป็นที่สุดในชีวิตเพื่อการกลับมามีชีวิตใหม่อย่างสมบูรณ์
หลายคนคงสงสัยว่า
ทำไมการบริจาคอวัยวะจึงเป็นเรื่องจำเป็น และต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง จากสถิติในปี
2551 ของศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย มีผู้ลงทะเบียนรอการปลูกถ่ายอวัยวะถึง
2,392 คน คิดเป็นผู้ที่ลงทะเบียนรอรับเฉพาะไตจำนวน 2,196 ราย หัวใจ 11 ราย
หัวใจ-ปอด 27 ราย ปอด 3 ราย ตับ 146 ราย ตับอ่อน 2 ราย ไต-ตับ 4 ราย ไต-ตับอ่อน 3
ราย แต่ในความเป็นจริงมีอวัยวะที่ได้รับจากการบริจาค
จากผู้เสียชีวิตจากสมองตายเพียง 301 อวัยวะเท่านั้น
จะเห็นได้ว่าสัดส่วนของผู้รอการปลูกถ่ายอวัยวะ
กับผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะมีความแตกต่างกันอย่างมาก
ในขณะที่บางคนมองเรื่องการบริจาค และการปลูกถ่ายอวัยวะเป็นเรื่องไกลตัว
คงจะไม่เกิดขึ้นกับเราแน่ๆ แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดมีบุคคลใกล้ชิด
หรือบุคคลเป็นที่รักต้องเป็นผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะขึ้นมา
เขาเหล่านั้นจะต้องรอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะไปอีกนานเท่าใด
ถ้าสถิติการบริจาคอวัยวะในบ้านเรายังมีเพียงเท่านี้
สาเหตุที่ทำให้การบริจาคอวัยวะของประเทศไทยมีน้อยมาก
เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน ทั้งปัญหาด้านบริหารจัดการแพทย์
พยาบาลที่ดูแลผู้เสียชีวิตสมองตาย ไม่ได้ดำเนินการขอบริจาคอวัยวะจากญาติ
และญาติปฏิเสธที่จะบริจาคอวัยวะ ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน
เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้ญาติไม่บริจาคเกิดจากความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เช่น
กลัวชาติหน้าเกิดมามีอวัยวะไม่ครบ การไม่แน่ใจเรื่องสมองตาย
หรือไม่ทราบเจตนารมณ์ของผู้เสียชีวิต เป็นต้น ดังนั้นหากทุกท่านที่เข้าใจ
และเห็นความสำคัญของการบริจาคอวัยวะ
โดยร่วมแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะพร้อมกับบอกต่อข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะแก่บุคคลใกล้ชิด
เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติในเชิงบวกต่อการบริจาคอวัยวะแล้ว
ย่อมทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการให้อย่างแท้จริง
น้องทิพย์
ฐานรัตน์ นรินทร์สุขสันติ นักกีฬาเปลี่ยนอวัยวะอาเซียน ที่มีอายุน้อยที่สุด
โดยเธอได้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาผู้เปลี่ยนอวัยวะโลก ขณะที่มีอายุเพียง 5 ปี
โดยเข้าแข่งขันในกีฬากระโดดไกล ขว้างบอล ปัจจุบันน้องทิพย์อายุ 11 ปี
มีความร่าเริงสดใสเช่นเดียวกับเด็กหญิงทั่วไป แต่เธอคงไม่อาจมีวันนี้ได้
ถ้าเธอไม่ได้รับการปลูกถ่ายตับ
ความใฝ่ฝันของเธอคงไม่ต่างจากเงามืดที่ไม่มีหนทางจะเป็นจริงได้
น้องทิพย์
เป็นเด็กน่ารัก ด้วยใบหน้าที่สดใส ยิ้มแย้มอารมณ์ดี
มองโลกในแง่ดีแม้เธอจะผ่านเวลาอันเลวร้ายระหว่างความเป็นความตายมาแล้วก็ตาม
น้องทิพย์ยังเล่าว่า ตอนเล็กๆ ทิพย์ป่วยเป็นโรคท่อน้ำดีอุดตัน
คุณพ่อบอกว่าตอนคลอดคุณหมอที่ทำคลอดไม่ได้ตรวจเช็คอะไร เพราะภายนอกปกติทุกอย่าง
แต่มาตรวจเจอเมื่อครั้งที่ป่วยตอนอายุ 4 เดือน มีอาการถ่ายอุจจาระสีซีด
ตาเหลืองเพราะของเสียไม่ยอมออกมา และพุงใหญ่ และพามารักษาที่โรงพยาบาลเด็ก
แต่ปรากฏว่าหมอบอกว่าอาการของทิพย์เป็นโรคท่อน้ำดีอุดตัน ทำให้ตับแข็งตั้งแต่เกิด
ต้องเปลี่ยนตับอย่างเดียว คุณพ่อจึงพามารักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯ
เพราะมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการปลูกถ่ายอวัยวะ
คุณพ่อบอกว่าตอนนั้นยังไม่มีความเข้าใจเรื่องการปลูกถ่ายอวัยวะนักจึงต้องขอคำแนะนำจากทีมแพทย์
และแพทย์ก็ได้ลงทะเบียนรอรับตับให้กับน้องทิพย์ไว้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะ
สภากาชาดไทย ผ่านไป 1 ปี น้องทิพย์ก็โชคดีตอนนั้นเป็นเดือนสิงหาคม 2541
คุณพ่อบอกว่าผู้ประสานงานของโรงพยาบาล
โทร.มาว่ามีผู้เสียชีวิตจากสมองตายได้บริจาคอวัยวะทุกส่วนให้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ
และน้องทิพย์ได้รับการจัดสรรตับให้
ให้ทิพย์รีบมาโรงพยาบาลเพื่อเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ
ผลการผ่าตัดสำเร็จเรียบร้อยดี ตอนนี้ทิพย์ดูเหมือนคนปกติทั่วไป สามารถออกกำลังกาย
เล่นกีฬากับเพื่อนได้
หากคนทั่วไปที่ไม่รู้จักน้องทิพย์มาก่อนจะไม่รู้เลยว่าชีวิตของน้องทิพย์เคยผ่านอะไรมาบ้าง
ก่อนผ่าตัดน้องทิพย์ต้องมาโรงพยาบาลทุกเดือน
แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นทุก 3 เดือน เพื่อตรวจระดับยากดภูมิคุ้มกัน
ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายไม่ต่อต้านอวัยวะที่ได้รับมา
ซึ่งยากดภูมิคุ้มกันนี้ต้องกินไปตลอดชีวิต น้องทิพย์ยังกล่าวอีกว่า
ดีใจที่เห็นคุณพ่อคุณแม่มีความสุข เพราะท่านเหนื่อยกับการดูแลทิพย์มามากแล้ว
ตอนนี้ช่วยตัวเองได้ แข็งแรงมากขึ้น วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ได้
ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ยิ้มได้ ตอนนี้ทิพย์เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 5 โรงเรียนทอรัก
สมุทรปราการ มีเพื่อนๆ และครูที่เข้าใจทิพย์มาก อนาคตทิพย์จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย
และตอบแทนพระคุณพ่อแม่ที่ท่านให้เวลาทั้งหมดดูแลทิพย์อย่างดี และเป็นอนาคตที่ดี
เป็นเยาวชนที่ดีของประเทศด้วย
ถ้ามีโอกาสทำบุญตักบาตรเมื่อไรก็จะระลึกถึงพระคุณของผู้บริจาคตับให้
และอุทิศส่วนกุศลให้เสมอ ถึงแม้ไม่เคยเห็นหน้าเขา
แต่ทิพย์ระลึกถึงความดีของเขาเสมอด้วย
จะมีสักกี่คนที่โชคดีอย่างน้องทิพย์
ผู้น่ารักคนนี้ มีผู้ป่วยที่รอรับอวัยวะกว่าสองพันคน
ต้องรอคอยความหวังที่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไร
ผู้ป่วยที่รอคอยอวัยวะจากผู้บริจาคจึงต้องทนทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วยอยู่ตลอดเวลา
ไม่สามารถใช้ชีวิตเช่นคนปกติทั่วไปได้ แต่หากผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะแล้ว
เขาเหล่านั้นสามารถกลับมาทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทำให้ประเทศไทยจะมีประชากรที่มีคุณภาพ มีสุขภาพดี
เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติได้อย่าง น้องทิพย์
สามารถร่วมสนับสนุนเพื่อสิ่งดีๆ มีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยวิธีง่ายๆ
เพียงโทร.1666 เพื่อร่วมแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะ
สภากาชาดไทย เท่านั้น
|