Sponsored Links
อ่านเจอในเวปบอร์ดรักลูกครับ
http://www.5qkids.blogspot.com/
ปัจจุบันปัญหาการฆ่าตัว
ตายกลายเป็นทางออกสุดท้ายที่คนในสังคมเลือกใช้แก้ปัญหา
โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
เพียงเพราะผิดหวังจากเรื่องเล็กน้อย เพราะสังคมในยุคปัจจุบันเป็นสังคมของการแข่งขัน
ผู้คนในสังคมต่างคนต่างอยู่ ขาดความเอื้อเฟื้อต่อกัน และต้องเจอกับภาวะกดดันต่างๆ
มากมาย
จากสถิติของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า
สาเหตุการเสียชีวิตของเด็กและเยาวชนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่
1.
อุบัติเหตุเนื่องจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 40-50 ทำให้มีเด็กเสียชีวิต 16
รายต่อวัน
2. ติดเชื้อเอชไอวี
โดยเด็กผู้ชายมีพฤติกรรมเสี่ยงด้วยการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีเซ็กซ์ที่ไม่ปลอดภัย
ส่วนเด็กผู้หญิงเกิดจากการมีเซ็กซ์ที่ไม่ปลอดภัย และโรคเสพติด เช่น ติดเกม
และการบริโภคนิยม
3. ภาวะความเครียดจากหลายสาเหตุจนนำมาสู่การฆ่าตัวตาย
พบว่า ทั่วประเทศมีเด็กฆ่าตัวตาย ประมาณปีละ 600 ราย เฉลี่ยวันละ 2 คน
การ
เลี้ยงดูของพ่อแม่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาความคิดของลูก
เพื่อให้ลูกปรับตัวเข้ากับสังคมให้ได้ พร้อมรับสภาพความกดดัน ผิดหวัง เสียใจต่างๆ
ไดั เพราะตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ปัจจุบันการฆ่าตัวตายของเด็กเยาวชนหรือแม้แต่
ผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ ส่วนใหญ่สาเหตุที่เป็นแรงจูงใจ คือ ความผิดหวัง เช่น
ผิดหวังจากคนรัก ผิดหวังที่สอบไม่ได้ เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงดูของพ่อแม่มีส่วนช่วยลูกได้
ไม่เพียงแค่ให้ความรักแก่ลูกเพียงอย่างเดียว
นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์
ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก
แสดงความคิดเห็นและแนะนำการเลี้ยงดูลูกให้รู้จักทักษะการดำเนินชีวิตในสังคม
ที่ต้องเจอกับสภาวะกดดันรอบด้านไว้อย่างน่าสนใจ คือ
พ่อแม่ผู้ปกครองควรเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการตามวัยของเด็ก
และต้องสนับสนุนช่วยเหลือ สอนเด็กให้เหมาะสมกับพัฒนาการตามวัย
โดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีลูกกำลังเป็นวัยรุ่นมักจะผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง คือ
มักจะนำวิธีการปฏิบัติต่อเด็กเล็กๆ ไปใช้กับเด็กวัยรุ่น เช่น
ไปบอกเด็กว่าผมยาวมากไปแล้วนะ แต่งตัวอย่างนั้นอย่างนี้
การสอนแบบนี้ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมกับเด็กวัยรุ่น ควรพูดชักจูงใจมากกว่า เช่น
การที่ลูกใส่เสื้อสายเดี่ยว ไม่ควรไปบอกว่าสวมไม่ได้
แต่อาจจะต้องคุยว่าการนุ่งสายเดี่ยวเพื่อวัตถุประสงค์อะไร
เพราะรู้สึกว่าเป็นแฟชั่นหรือเปล่า
ถ้า เป็นความต้องการสร้างการยอมรับ
ก็มีวิธีอื่นที่ทำให้คนยกย่องให้ความนับถือและให้ความสำคัญกับเราได้
โดยที่ไม่ดูที่เสื้อผ้าก็ได้ แนะให้ลูกเลือกทางอื่น เช่น ความฉลาด เรียนเก่ง
มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
อาจจะได้รับการยอมรับมากกว่าการใส่สายเดี่ยว คนที่นิยมแฟชั่นบางคนอาจยอมรับในตัวเรา
แต่คนที่ไม่นิยมเขาก็จะเฉยๆ แต่ถ้าลูกไปสอบได้เหรียญทองโอลิมปิก
คนส่วนใหญ่จะยกย่องนับถือ ลักษณะที่คุยกับลูกวัยรุ่นต้องคุยด้วยเหตุผล
เพราะเขาต้องการการโต้แย้งด้วยเหตุผลเพื่อให้ได้ข้อสรุป เขาจะไม่รับฟังเหตุผลธรรมดา
ต้องโต้แย้งให้ถึงแก่นแท้ของเรื่องที่พ่อแม่จะสอนลูกจริงๆ
แต่พ่อแม่ส่วนใหญ่มักคุยกับลูกไม่เป็น
ทำให้เด็กปฏิเสธพ่อแม่และจะไปหาแนวทางของเขาเอง
พ่อแม่อีกกลุ่มหนึ่ง คือ
คิดว่าลูกตัวเองเก่ง ฉลาด คิดเองได้หมด
เพราะฉะนั้นอะไรที่ลูกทำได้กลายเป็นดีเลิศหมดทุกอย่าง
ถือว่าเป็นการทำลายลูกเพราะตามข้อเท็จจริงไม่มีใครทำได้อย่างนั้น
ไม่มีใครสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต้องเรียนรู้จากคนอื่น
เป็นลักษณะเฉพาะของสังคมมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม
มนุษย์จะพัฒนาตัวเองได้ต้องพัฒนาตัวเองด้วยการติดต่อสื่อสารกับสังคม
ไม่มีใครจะศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ จำเป็นต้องเรียนรู้จากสังคมแวดล้อม
อย่างที่เด็กจำนวนมากฆ่าตัวตายเพราะเพียงพ่ายแพ้ครั้งเดียว
พ่อแม่ต้องปล่อยให้ลูกหกล้มและลุกขึ้นมาเองบ้าง
เพราะบางเรื่องลูกต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง พ่อแม่เป็นเพียงแค่คนชี้แนะ สั่งสอน
แต่ไม่ใช่ไปทำให้ลูก พ่อแม่บางคนลูกอายุ 20 กว่า
ยังไปรับไปส่งลูกเหมือนกับลูกยังเป็นเด็กเล็กๆ
ถ้าเป็นอย่างนี้เขาจะดูแลตัวเองไม่ได้เลย
หากกลัวคนอื่นจะมาคุกคามสวัสดิภาพก็ต้องฝึกให้เขามีทักษะรับมือกับปัญหาเอง
เพราะหากวันใดไม่มีพ่อแม่แล้วเขาจะอยู่ด้วยตัวเองได้อย่างไร
ควรฝึกให้ลูกเห็นว่าการแพ้เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่การชนะเสียอีกเป็นเรื่องยกเว้น
เป็นลักษณะเฉพาะ แต่คนแพ้มีมากมาย คนซื้อลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1
เป็นลักษณะเฉพาะ เพราะเป็นคนจำนวนน้อยมาก เด็กจำเป็นจะต้องเรียนรู้เรื่องการพ่ายแพ้
ผิดหวัง
พ่อ แม่ต้องชักจูงให้เด็กไปทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง เช่น
งานบ้าน ชวนเขาทำงานบ้าน แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ พ่อแม่ไม่ควรทำให้
พ่อแม่บางคนลูกไม่ต้องทำอะไรเลย พ่อแม่ทำให้หมด
เมื่อเด็กโตขึ้นจะเป็นคนหมกมุ่นกับตัวเอง มองอะไรเข้าหาตัวเองทุกอย่าง
รู้สึกว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางคนอื่น จึงควรแนะนำให้
ลูกไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่างๆ หรือไปเป็นอาสาสมัคร
จะทำให้เขาคิดเกี่ยวกับตัวเองน้อยลง
และคิดเกี่ยวกับคนอื่นเกี่ยวกับสังคมภายนอกมากขึ้น โดยเฉพาะที่สำคัญคือ
เขาจะนึกถึงจิตใจคนอื่นมากเป็นพิเศษหากเขาผ่านกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์
เพราะการไปทำกิจกรรมเหล่านี้คือการคิดเพื่อผู้อื่น ไม่ได้คิดเกี่ยวกับตัวเอง
ไม่เหมือนกิจกรรมพัฒนาตัวเองเกี่ยวกับการฝึกฝนดนตรีทำงานศิลปะ
แม้จะเป็นการพัฒนาเหมือนกัน แต่เป็นการพัฒนาที่อยู่กับตัวเอง
แต่กิจกรรมอาสาสมัครเป็นกิจกรรมพัฒนาตนเองเพื่อเชื่อมกับสังคมภายนอก
การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของสังคม
ให้เป็นคนเก่งคนดีของสังคม ยืนหยัดต่อสู้ชีวิตด้วยตนเองได้
พึ่งพาตนเองและให้ผู้อื่นพึ่งพาได้ด้วย ต้องเข้าใจว่าความรัก
ความปรารถนาดีต่อลูกจะมีผลอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อเลี้ยงลูกให้เขาเป็นตัวของ ตัวเอง
รู้จักตัวเอง และคิดด้วยตนเอง
การสอนให้ลูกมีทักษะการใช้ชีวิตเพื่ออยู่ร่วมกับผู้
อื่นในสังคมเป็นสิ่งสำคัญในการเลี้ยงลูกในสังคมยุคปัจจุบันที่ต้องเจอกับ
สภาวะความกดดันตลอดเวลา เพราะสังคมนอกบ้านย่อมแตกต่างกับในบ้าน
การเลี้ยงดูและให้ความรักคงไม่เพียงพอให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทั้งร่างกาย
และความคิดได้ แต่การให้ลูกได้เรียนรู้ประสบการณ์จากโลกภายนอก
เรียนรู้จักความผิดหวัง การแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกไม่แพ้กัน
เพราะถ้าเขาผ่านจุดนั้นได้เขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งอยู่ในสังคมได้อย่าง
ปลอดภัยและมีความสุข